ทำความรู้จักว่ายีสต์คืออะไร ? มีกี่ชนิดและนำไปทำอะไรได้บ้าง

คุณเคยสงสัยหรือไม่ ว่าทำไมขนมปังที่เราชอบทานนั้น จึงมีความนุ่มและยืดได้ ซึ่งสำหรับผู้ที่มีใจรักในการทำขนมอยู่แล้วนั้นก็จะสามารถตอบได้ในทันทีในเรื่องของส่วนผสมที่ใส่ลงไป แต่หากเป็นคนที่ไม่เคยทำขนมแบบเรา ๆ ก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตก ซึ่งส่วนผสมที่ทำให้ขนมปังมีความนุ่ม ยืด และฟูขึ้นมานั้นก็คือ “ยีสต์” นั่นเอง แล้วคุณรู้หรือไม่คะว่า ยีสต์คืออะไร มีกี่ประเภท และนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง ถ้าอยากรู้แล้วบทความของเราก็มีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ

ยีสต์ คือ

ยีสต์ (Yeast) คือ เซลล์ที่มีชีวิตอยู่ในชนิดยูคาริโอด (Eukaryote) โดยลักษณะของเซลล์จะเป็นทรงกลม รูปไข่ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับผลเลม่อนหรือผลมะนาว แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแบคทีเรีย ยีสต์แต่ละชนิดจะมีขนาดที่แตกต่างกัน สามารถพบได้ตามแหล่งธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ พืชและสัตว์บางชนิด แต่แหล่งที่สามารถพบยีสต์ได้เป็นจำนวนมากและบ่อยครั้งก็คือแหล่งที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง เช่น น้ำผลไม้ที่มีรสชาติหวาน เป็นต้น โดยยีสต์นั้นมักจะใส่ลงไปในอาหารต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารเสียได้นั่นเอง

การเจริญเติบโตของยีสต์นั้นมี 2 รูปแบบคือ แบบไม่อาศัยเพศด้วยการแตกหน่อและแบบอาศัยเพศด้วยการสร้างสปอร์ แต่ก็ยังมียีสต์ที่เติบโตได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศด้วยแอสโคสปอร์ โดยยีสต์ในลักษณะนี้นั้นเป็นยีสต์แท้จัดอยู่ในกลุ่มแอสโคไมซิส ซึ่งได้แก่แซคคาโรไมซิสและในปัจจุบันยีสต์ก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายในด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย

ยีสต์ ทำมาจากอะไร

ยีสต์ สามารถพบได้ตามธรรมชาติทั่วไปทั้งในดิน น้ำและสัตว์บางชนิด โดยการพบในสัตว์นั้นมักพบอยู่ที่แมลงและกระเพาะของสัตว์ ซึ่งยีสต์เป็นราชนิดหนึ่งจึงสามารถพบได้มากในพืชนั่นเองและในปัจจุบันก็มีการทำยีสต์จากธรรมชาติหมักเอาไว้ใช้เอง ซึ่งมีส่วนผสมมาจากแป้งไม่ขัดสี เช่น แป้งขนมปังโฮลวีทหรือพวกข้าวกล้องต่าง ๆ นำมาผสมกับน้ำที่ต้มสุกและน้ำตาลเพื่อให้ยีสต์สามารถเติบโตได้ดียิ่งขึ้นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน ก็จะได้ยีสต์แบบธรรมชาติไว้ใช้ในการทำขนมหรืออาหารต่าง ๆ แล้วค่ะ

ยีสต์ มีกี่ชนิด

ยีสต์นั้นมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร อีกทั้งยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป โดยยีสต์ที่ใช้สำหรับการทำขนมปังหรือเบเกอรี่ต่าง ๆ จะมีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่

ยีสต์ มีกี่ชนิด

1. ยีสต์สด (Fresh Yeast)

“ยีสต์สด (Fresh Yeast)” เป็นยีสต์ที่มีลักษณะเป็นก้อน ๆ มีความนิ่มคล้ายเนยหรือแป้งโดว์ ซึ่งยีสต์สดนี้เป็นยีสต์ที่มีความหอมมากที่สุด จะสังเกตได้จากนักเบเกอรี่ทั้งหลายที่มักจะเลือกใช้ยีสต์สดในการทำขนมปังมากกว่าการใช้ยีสต์ในรูปแบบอื่น ๆ แต่ข้อเสียของยีสต์สดนั้นก็คือการที่ดูแลยากเนื่องจากมาในลักษณะของก้อน อีกทั้งยังมีอายุการเก็บรักษาที่น้อย จึงเหมาะกับผู้ที่ทำขนมวันต่อวันมากกว่า

ยีสต์ มีกี่ชนิด

2. ยีสต์แห้ง (Active Dried Yeast)

“ยีสต์แห้ง (Active Dried Yeast)” เป็นยีสต์สดที่ถูกนำมาแปรรูปให้เป็นยีสต์แบบผง ซึ่งยีสต์ชนิดนี้จะมีอายุการเก็บใช้งานที่ยาวนานกว่ายีสต์สดแบบปกติ โดยวิธีการใช้งานคือจะต้องนำยีสต์แห้งนี้คือต้องนำยีสต์ไปผสมกับน้ำอุ่นจึงจะสามารถใช้งานได้

3. ยีสต์ผง (Instant Dry Yeast)

“ยีสต์ผง (Instant Dry Yeast)” เป็นยีสต์สำเร็จรูปที่มีการใช้งานที่ง่ายกว่ายีสต์สองชนิดที่แล้ว โดยยีสต์ผงแบบสำเร็จรูปนี้จะมีอาหารของยีสต์อยู่ในตัว ทำให้ยีสต์สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งไม่ต้องปลุกยีสต์ด้วยการผสมน้ำอุ่น แต่สามารถใช้ยีสต์ผสมกับแป้งเพื่อทำขนมต่อไปได้เลย

ยีสต์ทั้ง 3 ชนิดนี้ เป็นยีสต์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด แต่ก็ยังมียีสต์อีกหลายประเภทที่สามารถนำไปเป็นตัวหมักแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งยีสต์ที่ใช้สำหรับทำขนมที่จะให้รสสัมผัสและกลิ่นที่ดีที่สุดนั้นก็คือยีสต์สด แต่ยีสต์สดมีอายุการเก็บรักษาที่ไม่นานมาก ดังนั้นจึงมีการคิดค้นยีสต์ในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาให้ผู้ที่รักในการทำขนมได้เลือกใช้งานกันอย่างตรงใจนั่นเอง

ยีสต์ทำอะไรได้บ้าง

ยีสต์ ถูกนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเบเกอรี่และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ซึ่งส่วนใหญ่ยีสต์จะถูกนำมาเป็นส่วนผสมของขนมปังเนื่องจากการใส่ยีสต์ในขนมปังนั้น จะทำให้ขนมปังที่ได้ทำมความนุ่ม ยืด และฟูอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยีสต์ยังสามารถเพิ่มความหวานให้แก่ขนมปังได้เป็นอย่างดี และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ขนมปังมีกลิ่นหอมน่ารับประทานนั่นเอง

ยีสต์ยังถูกนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า หรือไวน์ โดยกระบวนการของยีสต์ที่จะทำให้กลายเป็นแอลกอฮอล์นั้น คือการนำยีสต์ไปหมักแล้วยีสต์จะค่อย ๆ กินน้ำตาลและคายของเสียของมันออกมา โดยของเสียที่ได้จากยีสต์ก็คือแอลกอฮอล์นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เอง ยีสต์จึงถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยีสต์ยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการตุ๋น หรือการทำให้เนื้อสัตว์ที่มีความเหนียวและรับประทานยากนั้นมีความนุ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มยีสต์เข้าไปได้

ประโยชน์ของยีสต์

1. ยีสต์ช่วยทำให้ขนมปังมีความนุ่มฟูมากขึ้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าการใส่ยีสต์ในขนมปังนั้นจะมีผลทำให้ขนมปังเกิดความนุ่ม ฟู และมีความแน่นมากขึ้น ยีสต์จึงมีความจำเป็นในการทำขนมหวานประเภทขนมปังต่าง ๆ นั่นเอง

2. ยีสต์ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับขนมปังมีความอร่อยมากขึ้น

ยีสต์จะช่วยเพิ่มรสชาติให้ขนมปังที่ทานมีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเท็กซ์เจอร์ที่ได้สัมผัสก็มีความนุ่มนวลไม่แพ้กัน ผู้คนจึงนิยมนำยีสต์เข้ามาเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำขนมปังนั่นเอง

3. ยีสต์ช่วยป้องกันสิว

จากการวิจัยพบว่า ยีสต์นั้นมีสารที่ทำให้สามารถป้องกันสิวที่อาจเกิดขึ้นในวัยรุ่นได้ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของยีสต์ จึงไม่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้นั่นเอง เว้นเสียแต่ฮอร์โมนของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน

4. ยีสต์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

เนื่องจากยีสต์เป็นเซลล์ที่มีขนาดเล็กและเป็นราที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่ง จึงสามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียบางชนิดไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ โดยเฉพาะแบคทีเรียที่มีส่วนทำให้เกิดโรคท้องร่วง ยีสต์นั้นจะสามารถจัดการกับอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

5. ยีสต์ช่วยปรับสมดุลของน้ำตาลในเลือด

ยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่กินน้ำตาลเป็นอาหาร เมื่อเราทานอาหารที่มีส่วนผสมของยีสต์เข้าไป ยีสต์นั้นก็จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลในน้ำตาลเป็นผลทำให้น้ำตาลในเลือดของเราเกิดความสมดุลขึ้น จึงทำให้ไม่เสี่ยงต่อกรเกิดโรคเบาหวาน แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานขนมปังจำนวนมากนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดผลดีต่อสุขภาพเสมอไปเนื่องจากจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนได้

บทสรุปเรื่องยีสต์          

ยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็ก โดยจะมีรูปร่างเป็นทรงกลม หรือทรงรี ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของยีสต์ ซึ่งยีสต์นั้นสามารถพบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถนำยีสต์มาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารและขนมหวานบางชนิดได้ โดยเฉพาะขนมปัง ที่เมื่อใช้ยีสต์เป็นส่วนผสมแล้วจะสามารถเพิ่มความนุ่ม ฟู และทำให้ขนมปังนั้นมีรสชาติที่ดีขึ้นได้ รวมถึงการนำยีสต์ไปหมักกับน้ำผลไม้ที่จะได้เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาอย่างที่เราได้ดื่มกันอยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง นอกจากนี้ยีสต์ยังมีประโยชน์อย่างหลากหลายต่อร่างกาย เช่น การช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิดไม่ให้เข้าส่างกาย ช่วยป้องกันสิว และยีสต์นั้นยังสามารถบำรุงเล็บและเส้นผมได้อีกด้วย